เช็กลิสต์ 5 หัวข้อที่ต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อนใช้งานในหน้าฝน

Free Man in Blue Coveralls Standing Beside an Orange Car Using an Automotive Diagnostic Tool Stock Photo


หน้าฝนคือฤดูที่อากาศแปรปรวนยากจะรับมือ สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะหลัก เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ก่อนออกเดินทางทุกครั้งจึงควรตรวจสภาพรถยนต์ให้เรียบร้อย เรียกได้ว่าการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนใช้งานคือหนึ่งในหน้าที่ที่เจ้าของรถยนต์ละเลยไม่ได้ เพื่อตัวคุณและเพื่อนร่วมถนน เรามาดูไปด้วยกันเลยว่าส่วนใดบ้างที่ต้องได้รับการตรวจสภาพในหน้าฝนนี้

5 หัวข้อสำคัญในการตรวจสภาพรถยนต์

ส่วนใหญ่แล้วการตรวจสภาพรถยนต์นั้นมักจะทำช่วงเตรียมตัวต่อภาษีรถยนต์ประจำปี เนื่องจากต้องใช้เอกสารส่วนนี้ในการยื่นกับกรมการขนส่งทางบก ดังนั้นการตรวจจึงมักไปทำกันที่สถานตรวจสภาพรถเอกชนที่มีตรา ตรอ. หรือ กรมการขนส่งทางบกโดยตรง มีการตรวจทั้งภายนอกและการตรวจภายในมี 8 หัวข้อสำคัญในการตรวจสภาพรถยนต์คือ

1. ตรวจรายละเอียดรถยนต์

เริ่มต้นที่รายละเอียดรถยนต์ของคุณ เป็นการตรวจสอบว่าคุณนำรถยนต์ไปดัดแปลงหรือไม่ การตรวจสอบจะตรวจเทียบกับข้อมูลในสมุดคู่มือจดทะเบียน เช่น เลขทะเบียนรถ, ประเภทรถ, ลักษณะรถ, ชนิดรถ, แบบรถ, รุ่นรถ, ถังรถ, สีรถหรือเลขเครื่องยนต์ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นอันดับแรก

2. ตรวจสภาพรถยนต์ภายนอก ภายในและใต้ท้องรถ

การตรวจสภาพรถยนต์หลังจากเช็กข้อมูลทั้งหมดแล้วก็จะเริ่มตรวจภายนอก ภายในและใต้ท้องรถทันที แน่นอนว่าอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์ก็จะต้องถูกตรวจสอบด้วย ตัวอย่างสิ่งที่จะถูกตรวจเช่น

  • อุปกรณ์ควบคุมไฟสัญญาณส่วนต่างๆ
  • โคมไฟรอบรถยนต์
  • กันชน
  • ระบบเกียร์และพวงมาลัยรถยนต์
  • ระบบเครื่องยนต์และระบบอื่นๆ

โดยการตรวจจะมีความละเอียดเป็นอย่างมากและทุกส่วนจะต้องใช้งานได้ตามปกติเต็มประสิทธิภาพ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้เท่านั้น ส่วนนี้จะช่วยยืนยันได้ว่าระบบต่างๆ ของรถยนต์ทำงานได้ดี

3. ตรวจวัดระดับเสียง

การตรวจวัดระดับเสียงรถจะต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล โดยการตรวจส่วนนี้จะมีวิธีการตรวจสอบแตกต่างกันไปในแต่ละคัน ส่วนใหญ่จะตรวจสอบบริเวณท่อไอเสียโดยการติดตั้งเครื่องวัดเสียงเอาไว้

4. ตรวจจับควันดำ

ควันดำคืออีกหนึ่งตัวสร้างมลพิษบนท้องถนน ยิ่งรถที่มีอายุการใช้งานมากยิ่งเสี่ยงต่อการผลิตควันดำออกมา การตรวจจับควันดำจะตรวจหาด้วย 2 ระบบคือการตรวจด้วยระบบกระดาษกรองและระบบความทึบแสง ตามลำดับค่าที่ได้ออกมาจะต้องไม่เกิน 50% และ 45% 

5. ตรวจค่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) และค่าไฮโดรคาร์บอน (HC)

การตรวจส่วนนี้จะมีอุปกรณ์พิเศษเข้ามาช่วยเหลือทำให้สามารถวิเคราะห์หาค่า CO และ HC ออกมาได้เที่ยงตรงที่สุด โดยเมื่อได้ค่าเฉลี่ยแล้วจะถูกนำมาเทียบกับค่าเฉลี่ยมาตรฐานของรถแต่ละชนิด

ถ้ายังไม่ถึงกำหนดการตรวจสภาพรถยนต์สามารถนำไปตรวจได้หรือไม่?

แม้จะยังไม่ถึงกำหนดการตรวจสภาพรถยนต์ แต่ถ้าหากคุณมีแพลนจะต้องเดินทางไกล ใช้งานรถอย่างหนัก หรือพบเจออาการผิดปกติของรถยนต์เพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถนำรถยนต์ไปตรวจสภาพได้ทันที เนื่องจากไม่มีกฎหมายใดห้ามให้คุณตรวจสภาพรถยนต์ โดยส่วนใหญ่แล้วศูนย์รถยนต์ก็จะสามารถเช็กสภาพรถของคุณพร้อมเช็กระยะรถยนต์ได้เช่นกัน 

 

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณและเพื่อนผู้ร่วมถนน การตรวจสภาพรถยนต์ช่วยทำให้การจราจรอยู่ในระเบียบยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามแม้การตรวจสภาพรถจะช่วยลดอุบัติเหตุไม่คาดฝันลงไปได้ แต่ก็ไม่อาจลดได้ทั้งหมด ดังนั้นการซื้อกรมธรรม์ประกันรถยนต์ติดเอาไว้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกินตรงนี้ไปได้ง่ายๆ หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเลือกประกันรถยนต์ชนิดใดมาใช้งาน ก็สามารถเข้ามาที่ Rabbit care เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทันที บอกเลยว่าเราได้รวบรวมประกันรถยนต์จากบริษัทประกันชั้นนำในประเทศไทยไว้ให้คุณตัดสินใจใช้บริการเรียบร้อยแล้วที่นี่ อ่านเพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์ https://rabbitcare.com/car-insurance